สินค้าคงเหลือ คืออะไร? สรุปมาตรฐานการบัญชี TAS 2 ฉบับเข้าใจง่าย
สำหรับคนทำธุรกิจ “สินค้าคงเหลือ” หรือ “สต็อก” (Inventories) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของที่เก็บไว้รอขาย แต่เป็นสินทรัพย์หมุนเวียนสำคัญที่มีผลกระทบโดยตรงต่อกำไรขาดทุนและสุขภาพทางการเงินของกิจการ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 (TAS 2) จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อวางแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนว่ากิจการควรบันทึกบัญชีและวัดมูลค่าสินค้าคงเหลืออย่างไร
บทความนี้จะสรุปหัวใจสำคัญของ TAS 2 เรื่อง สินค้าคงเหลือ ให้คุณเข้าใจง่าย พร้อมนำไปปรับใช้
สินค้าคงเหลือ คืออะไร? สรุปมาตรฐานการบัญชี TAS 2 ฉบับเข้าใจง่าย
สำหรับคนทำธุรกิจ “สินค้าคงเหลือ” หรือ “สต็อก” (Inventories) ไม่ได้เป็นเพียงแค่ของที่เก็บไว้รอขาย แต่เป็นสินทรัพย์หมุนเวียนสำคัญที่มีผลกระทบโดยตรงต่อกำไรขาดทุนและสุขภาพทางการเงินของกิจการ มาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 (TAS 2) จึงถูกกำหนดขึ้นเพื่อวางแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนว่ากิจการควรบันทึกบัญชีและวัดมูลค่าสินค้าคงเหลืออย่างไร
บทความนี้จะสรุปหัวใจสำคัญของ TAS 2 เรื่อง สินค้าคงเหลือ ให้คุณเข้าใจง่าย พร้อมนำไปปรับใช้
1. “สินค้าคงเหลือ” ไม่ได้มีแค่ “สินค้าสำเร็จรูป”
ตามมาตรฐานการบัญชี สินค้าคงเหลือ หมายถึง สินทรัพย์ 3 ประเภทหลัก
- สินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) สินค้าที่กิจการถือไว้เพื่อขายตามลักษณะการประกอบธุรกิจปกติ
- สินค้าระหว่างผลิต (Work in Process) สินค้าที่ยังอยู่ในกระบวนการผลิตเพื่อเป็นสินค้าสำเร็จรูป
- วัตถุดิบและวัสดุ (Raw Materials and Supplies) วัตถุดิบหรือวัสดุที่มีไว้เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
1. “สินค้าคงเหลือ” ไม่ได้มีแค่ “สินค้าสำเร็จรูป”
ตามมาตรฐานการบัญชี สินค้าคงเหลือ หมายถึง สินทรัพย์ 3 ประเภทหลัก
- สินค้าสำเร็จรูป (Finished Goods) สินค้าที่กิจการถือไว้เพื่อขายตามลักษณะการประกอบธุรกิจปกติ
- สินค้าระหว่างผลิต (Work in Process) สินค้าที่ยังอยู่ในกระบวนการผลิตเพื่อเป็นสินค้าสำเร็จรูป
- วัตถุดิบและวัสดุ (Raw Materials and Supplies) วัตถุดิบหรือวัสดุที่มีไว้เพื่อใช้ในกระบวนการผลิตสินค้าหรือให้บริการ
2. กฎเหล็กในการวัดมูลค่า “ราคาทุน หรือ NRV ที่ต่ำกว่า”
นี่คือหัวใจที่สำคัญที่สุดของ TAS 2… สินค้าคงเหลือต้องวัดมูลค่าด้วย “ราคาทุน” (Cost) หรือ “มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ” (Net Realisable Value NRV) แล้วแต่มูลค่าใดจะ “ต่ำกว่า”
หลักการนี้ตั้งอยู่บนความระมัดระวัง (Prudence) เพื่อป้องกันไม่ให้กิจการแสดงมูลค่าสินทรัพย์สูงเกินจริง
- ราคาทุน (Cost) คือ ต้นทุนทั้งหมดที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้านั้น (จะอธิบายในข้อ 3)
- มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV) คือ ราคาที่คาดว่าจะขายได้ หักด้วย ต้นทุนที่ต้องใช้ในการผลิตต่อให้เสร็จ และต้นทุนที่จำเป็นต้องจ่ายไปเพื่อขายสินค้านั้น
ทำไมต้องใช้ NRV?… ในความเป็นจริง สินค้าอาจเกิดความเสียหาย ล้าสมัย ตกรุ่น หรือราคาตลาดลดลง ทำให้ราคาที่คาดว่าจะขายได้ (NRV) ต่ำกว่าต้นทุนที่ซื้อมา กิจการจึงต้องปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือลงให้เท่ากับ NRV (เรียกว่าการ “Write-down”) และรับรู้ผลขาดทุนนั้นในงบกำไรขาดทุนทันที
2. กฎเหล็กในการวัดมูลค่า “ราคาทุน หรือ NRV ที่ต่ำกว่า”
นี่คือหัวใจที่สำคัญที่สุดของ TAS 2… สินค้าคงเหลือต้องวัดมูลค่าด้วย “ราคาทุน” (Cost) หรือ “มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ” (Net Realisable Value NRV) แล้วแต่มูลค่าใดจะ “ต่ำกว่า”
หลักการนี้ตั้งอยู่บนความระมัดระวัง (Prudence) เพื่อป้องกันไม่ให้กิจการแสดงมูลค่าสินทรัพย์สูงเกินจริง
- ราคาทุน (Cost) คือ ต้นทุนทั้งหมดที่จ่ายไปเพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้านั้น (จะอธิบายในข้อ 3)
- มูลค่าสุทธิที่จะได้รับ (NRV) คือ ราคาที่คาดว่าจะขายได้ หักด้วย ต้นทุนที่ต้องใช้ในการผลิตต่อให้เสร็จ และต้นทุนที่จำเป็นต้องจ่ายไปเพื่อขายสินค้านั้น
ทำไมต้องใช้ NRV?… ในความเป็นจริง สินค้าอาจเกิดความเสียหาย ล้าสมัย ตกรุ่น หรือราคาตลาดลดลง ทำให้ราคาที่คาดว่าจะขายได้ (NRV) ต่ำกว่าต้นทุนที่ซื้อมา กิจการจึงต้องปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือลงให้เท่ากับ NRV (เรียกว่าการ “Write-down”) และรับรู้ผลขาดทุนนั้นในงบกำไรขาดทุนทันที
3. “ราคาทุน” ของสินค้าคงเหลือ ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
ราคาทุนไม่ได้มีแค่ราคาซื้อ แต่รวมถึงต้นทุนทุกอย่างที่ทำให้สินค้านั้น “อยู่ในสถานที่และสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”
- ต้นทุนในการซื้อ (Costs of Purchase)
- ราคาซื้อ
- อากรขาเข้า และภาษีอื่น (ที่ขอคืนไม่ได้)
- ค่าขนส่ง ค่าขนถ่าย
- หักด้วย ส่วนลดการค้า หรือเงินที่ได้รับคืน
- ต้นทุนแปลงสภาพ (Costs of Conversion) (สำหรับกิจการผลิต)
- ค่าแรงงานทางตรง ค่าแรงของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง
- ค่าใช้จ่ายการผลิต (Overheads)
- ค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคาโรงงาน, ค่าบำรุงรักษา, ต้นทุนบริหารโรงงาน (ซึ่งจะปันส่วนตาม “กำลังการผลิตปกติ”)
- ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร เช่น วัตถุดิบทางอ้อม, ค่าแรงงานทางอ้อม (ซึ่งจะปันส่วนตาม “การผลิตจริง”)
- ต้นทุนอื่น (Other Costs)
- ต้นทุนอื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อให้สินค้าอยู่ในสภาพและสถานที่ปัจจุบัน เช่น ต้นทุนการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ารายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ
- ต้นทุนในการซื้อ (Costs of Purchase)
🚫 ต้นทุนที่ไม่นับรวมเป็น “ราคาทุน” สินค้าคงเหลือ
ต้นทุนเหล่านี้ต้องรับรู้เป็น “ค่าใช้จ่าย” ในงวดที่เกิดขึ้นทันที
- วัตถุดิบ ค่าแรง หรือค่าใช้จ่ายการผลิตที่ สูญเสียเกินกว่าปกติ
- ต้นทุนในการเก็บรักษา (ยกเว้นเป็นส่วนที่จำเป็นในกระบวนการผลิตขั้นต่อไป)
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต)
- ต้นทุนในการขาย (เช่น ค่าคอมมิชชั่น, ค่าโฆษณา
3. “ราคาทุน” ของสินค้าคงเหลือ ประกอบด้วยอะไรบ้าง?
ราคาทุนไม่ได้มีแค่ราคาซื้อ แต่รวมถึงต้นทุนทุกอย่างที่ทำให้สินค้านั้น “อยู่ในสถานที่และสภาพที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน”
- ต้นทุนในการซื้อ (Costs of Purchase)
- ราคาซื้อ
- อากรขาเข้า และภาษีอื่น (ที่ขอคืนไม่ได้)
- ค่าขนส่ง ค่าขนถ่าย
- หักด้วย ส่วนลดการค้า หรือเงินที่ได้รับคืน
- ต้นทุนแปลงสภาพ (Costs of Conversion) (สำหรับกิจการผลิต)
- ค่าแรงงานทางตรง ค่าแรงของพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง
- ค่าใช้จ่ายการผลิต (Overheads)
- ค่าใช้จ่ายการผลิตคงที่ เช่น ค่าเสื่อมราคาโรงงาน, ค่าบำรุงรักษา, ต้นทุนบริหารโรงงาน (ซึ่งจะปันส่วนตาม “กำลังการผลิตปกติ”)
- ค่าใช้จ่ายการผลิตผันแปร เช่น วัตถุดิบทางอ้อม, ค่าแรงงานทางอ้อม (ซึ่งจะปันส่วนตาม “การผลิตจริง”)
- ต้นทุนอื่น (Other Costs)
- ต้นทุนอื่นๆ ที่จำเป็นเพื่อให้สินค้าอยู่ในสภาพและสถานที่ปัจจุบัน เช่น ต้นทุนการออกแบบผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้ารายใดรายหนึ่งโดยเฉพาะ
- ต้นทุนในการซื้อ (Costs of Purchase)
🚫 ต้นทุนที่ไม่นับรวมเป็น “ราคาทุน” สินค้าคงเหลือ
ต้นทุนเหล่านี้ต้องรับรู้เป็น “ค่าใช้จ่าย” ในงวดที่เกิดขึ้นทันที
- วัตถุดิบ ค่าแรง หรือค่าใช้จ่ายการผลิตที่ สูญเสียเกินกว่าปกติ
- ต้นทุนในการเก็บรักษา (ยกเว้นเป็นส่วนที่จำเป็นในกระบวนการผลิตขั้นต่อไป)
- ค่าใช้จ่ายในการบริหาร (ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการผลิต)
- ต้นทุนในการขาย (เช่น ค่าคอมมิชชั่น, ค่าโฆษณา)
4. การคำนวณต้นทุนสินค้าคงเหลือ ทำได้อย่างไร?
เมื่อสินค้ามีลักษณะคล้ายกันและซื้อมาในราคาที่ต่างกัน กิจการต้องเลือกใช้วิธีการคำนวณต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่ง TAS 2 อนุญาต (สำหรับสินค้าที่สับเปลี่ยนกันได้) 2 วิธีหลัก
- วิธีเข้าก่อน ออกก่อน (FIFO – First-In, First-Out)
- สมมติฐาน สินค้าที่ซื้อมาหรือผลิตขึ้น “ก่อน” จะถูกขายออกไป “ก่อน”
- ผลลัพธ์ สินค้าคงเหลือที่เหลืออยู่ ณ วันสิ้นงวด จะเป็นสินค้าล็อตใหม่ๆ ที่ซื้อมาในครั้งหลังสุด ทำให้มูลค่าสินค้าคงเหลือใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน
- วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average Cost)
- สมมติฐาน ต้นทุนของสินค้าแต่ละรายการจะถูกถัวเฉลี่ยจากต้นทุนของสินค้าทั้งหมดที่มีไว้ขาย
- ผลลัพธ์ ต้นทุนสินค้าจะเป็นค่าเฉลี่ย ช่วยลดความผันผวนของราคาทุนเมื่อราคาวัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
- วิธีเข้าก่อน ออกก่อน (FIFO – First-In, First-Out)
หมายเหตุ TAS 2 ยังอนุญาตให้ใช้ วิธีราคาเจาะจง (Specific Identification) สำหรับสินค้าที่สับเปลี่ยนกันไม่ได้ เช่น รถยนต์, อสังหาริมทรัพย์, หรืองานสั่งทำพิเศษ
4. การคำนวณต้นทุนสินค้าคงเหลือ ทำได้อย่างไร?
เมื่อสินค้ามีลักษณะคล้ายกันและซื้อมาในราคาที่ต่างกัน กิจการต้องเลือกใช้วิธีการคำนวณต้นทุนที่เหมาะสม ซึ่ง TAS 2 อนุญาต (สำหรับสินค้าที่สับเปลี่ยนกันได้) 2 วิธีหลัก
- วิธีเข้าก่อน ออกก่อน (FIFO – First-In, First-Out)
- สมมติฐาน สินค้าที่ซื้อมาหรือผลิตขึ้น “ก่อน” จะถูกขายออกไป “ก่อน”
- ผลลัพธ์ สินค้าคงเหลือที่เหลืออยู่ ณ วันสิ้นงวด จะเป็นสินค้าล็อตใหม่ๆ ที่ซื้อมาในครั้งหลังสุด ทำให้มูลค่าสินค้าคงเหลือใกล้เคียงกับราคาตลาดปัจจุบัน
- วิธีต้นทุนถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนัก (Weighted Average Cost)
- สมมติฐาน ต้นทุนของสินค้าแต่ละรายการจะถูกถัวเฉลี่ยจากต้นทุนของสินค้าทั้งหมดที่มีไว้ขาย
- ผลลัพธ์ ต้นทุนสินค้าจะเป็นค่าเฉลี่ย ช่วยลดความผันผวนของราคาทุนเมื่อราคาวัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย
- วิธีเข้าก่อน ออกก่อน (FIFO – First-In, First-Out)
หมายเหตุ TAS 2 ยังอนุญาตให้ใช้ วิธีราคาเจาะจง (Specific Identification) สำหรับสินค้าที่สับเปลี่ยนกันไม่ได้ เช่น รถยนต์, อสังหาริมทรัพย์, หรืองานสั่งทำพิเศษ
5. สินค้าคงเหลือ กลายเป็น “ค่าใช้จ่าย” เมื่อไหร่?
เมื่อกิจการ ขาย สินค้าคงเหลือนั้นได้ มูลค่าตามบัญชีของสินค้าที่ถูกขายไป จะถูกรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทันที ในบรรทัดที่เรียกว่า “ต้นทุนขาย” (Cost of Sales หรือ Cost of Goods Sold – COGS)
นอกจากนี้ การปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับ NRV (ที่อธิบายในข้อ 2) ก็จะถูกรับรู้เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนขายในงวดนั้นเช่นกัน
5. สินค้าคงเหลือ กลายเป็น “ค่าใช้จ่าย” เมื่อไหร่?
เมื่อกิจการ ขาย สินค้าคงเหลือนั้นได้ มูลค่าตามบัญชีของสินค้าที่ถูกขายไป จะถูกรับรู้เป็นค่าใช้จ่ายในงบกำไรขาดทุนทันที ในบรรทัดที่เรียกว่า “ต้นทุนขาย” (Cost of Sales หรือ Cost of Goods Sold – COGS)
นอกจากนี้ การปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือให้เท่ากับ NRV (ที่อธิบายในข้อ 2) ก็จะถูกรับรู้เป็นส่วนหนึ่งของต้นทุนขายในงวดนั้นเช่นกัน
สรุป
การบริหารและบันทึกบัญชี สินค้าคงเหลือ ตามมาตรฐาน TAS 2 เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การตีราคาสินค้าคงเหลืออย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ “ราคาทุน” หรือการปรับลดเป็น “NRV” จะช่วยให้งบการเงินสะท้อนภาพที่แท้จริงของกิจการ ป้องกันการแสดงกำไรหรือสินทรัพย์ที่สูงเกินจริง และช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
แหล่งอ้างอิง
สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ (Federation of Accounting Professions – TFAC)
- ชื่อเอกสาร คู่มืออธิบายมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 เรื่อง สินค้าคงเหลือ
- วันที่เผยแพร่ 4 เมษายน 2566
คุณสามารถค้นหาเอกสารฉบับเต็มได้จากเว็บไซต์ทางการของสภาวิชาชีพบัญชี (tfac.or.th) ในส่วนของมาตรฐานการบัญชีครับ
สรุป
การบริหารและบันทึกบัญชี สินค้าคงเหลือ ตามมาตรฐาน TAS 2 เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การตีราคาสินค้าคงเหลืออย่างถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการคำนวณ “ราคาทุน” หรือการปรับลดเป็น “NRV” จะช่วยให้งบการเงินสะท้อนภาพที่แท้จริงของกิจการ ป้องกันการแสดงกำไรหรือสินทรัพย์ที่สูงเกินจริง และช่วยให้ผู้บริหารตัดสินใจทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ
แหล่งอ้างอิง
สภาวิชาชีพบัญชี ในพระบรมราชูปถัมภ์ (Federation of Accounting Professions – TFAC)
- ชื่อเอกสาร คู่มืออธิบายมาตรฐานการบัญชี ฉบับที่ 2 เรื่อง สินค้าคงเหลือ
- วันที่เผยแพร่ 4 เมษายน 2566
คุณสามารถค้นหาเอกสารฉบับเต็มได้จากเว็บไซต์ทางการของสภาวิชาชีพบัญชี (tfac.or.th) ในส่วนของมาตรฐานการบัญชีครับ
บริการจากสำนักงานบัญชีสยามออนไลน์
สำนักงานบัญชีสยามออนไลน์ พร้อมให้คำแนะนำและบริการวางระบบบัญชีร้านอาหารแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น
- ให้คำปรึกษา ช่วยวิเคราะห์และออกแบบระบบบัญชีที่เหมาะกับร้านของคุณ
- จัดทำบัญชีบันทึกรายรับ-รายจ่าย จัดทำรายงานทางการเงิน และยื่นภาษี
- วางระบบบัญชีให้เข้ากับประเภทธุรกิจด้วยโปรแกรมบัญชี เช่น ธุรกิจซื้อมาขายไป ธุรกิจบริการ ธุรค้าขายออนไลน์ เป็นต้น
- วางแผนภาษีพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการภาษีให้ถูกต้องและประหยัดที่สุด
- ดูแลครบวงจรให้คุณหมดกังวลเรื่องบัญชีและภาษี เพื่อทุ่มเทให้กับการบริหารร้านอาหารได้อย่างเต็มที่
สำนักงานบัญชีสยามออนไลน์ ยินดีช่วยคุณสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหารของคุณ
บริการจากสำนักงานบัญชีสยามออนไลน์
สำนักงานบัญชีสยามออนไลน์ พร้อมให้คำแนะนำและบริการวางระบบบัญชีร้านอาหารแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็น
- ให้คำปรึกษา ช่วยวิเคราะห์และออกแบบระบบบัญชีที่เหมาะกับร้านของคุณ
- จัดทำบัญชีบันทึกรายรับ-รายจ่าย จัดทำรายงานทางการเงิน และยื่นภาษี
- วางระบบบัญชีให้เข้ากับประเภทธุรกิจด้วยโปรแกรมบัญชี เช่น ธุรกิจซื้อมาขายไป ธุรกิจบริการ ธุรค้าขายออนไลน์ เป็นต้น
- วางแผนภาษีพร้อมให้คำแนะนำเกี่ยวกับการจัดการภาษีให้ถูกต้องและประหยัดที่สุด
- ดูแลครบวงจรให้คุณหมดกังวลเรื่องบัญชีและภาษี เพื่อทุ่มเทให้กับการบริหารร้านอาหารได้อย่างเต็มที่
สำนักงานบัญชีสยามออนไลน์ ยินดีช่วยคุณสร้างรากฐานทางการเงินที่แข็งแกร่งให้กับธุรกิจร้านอาหารของคุณ
