แนวทางการจดทะเบียนบริษัทสำหรับธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย

แนวทางการจดทะเบียนบริษัทสำหรับธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์ที่หลากหลาย

   หลายกิจการเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ เช่น “ร้านอาหาร” แต่เมื่อเติบโต ย่อมมีโอกาสขยายไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการจัดอีเว้นท์ รับผลิตสินค้า หรือให้เช่าพื้นที่ ซึ่งการจดทะเบียนบริษัทสำหรับกิจการเหล่านี้ จำเป็นต้องวางโครงสร้างและ “วัตถุประสงค์” ให้ถูกต้อง เพื่อไม่ให้ติดปัญหาทางกฎหมายภายหลัง
   บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจ ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท พร้อมข้อแนะนำและข้อควรระวัง โดยอ้างอิงจากกรณีตัวอย่างที่มีวัตถุประสงค์ทางธุรกิจถึง 8 ด้าน

ตัวอย่างการการจดทะเบียนบริษัทสำหรับธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์หลากหลายด้าน

   เดิมเปิดร้านอาหาร แต่ต่อมากิจการร้านอาหารไปได้ด้วยดี เลยคิดจะขยายกิจการในรูปบริษัทและจะจดบริษัทเพื่อดำเนินธุรกิจ โดยมัวัตถุประสงค์ดังนี้

    1. ร้านอาหารที่มีดนตรี 
    2. ผลิตอาหารเป็นแบบขายส่ง ไม่ใช่ทำ1ต่อ1ที่ขายในร้าน
    3. จัดแสดงคอนเสิร์ต เช่น จัด mini concert หรือเป็นตัวแทนจัดงาน festival
    4. ทำอีเว้นท์
    5. รับผลิตสิ่งของ
    6. รับออกแบบตกแต่งภายใน รับเหมาก่อสร้าง
    7. ธุรกิจนายหน้า จัดหา
    8. ทำพื้นที่ให้เช่า

   เมื่อต้องการจดตั้งบริษัทที่มีวัตถุประสงค์หลากหลาย ขอสรุปหลักการ กระบวนการและประเด็นสำคัญดังนี้

ขั้นตอนการจดทะเบียนบริษัท

  1. เตรียมข้อมูลก่อนจดทะเบียน

   ก่อนดำเนินการจดทะเบียนบริษัท ผู้ประกอบการควรเตรียมข้อมูลสำคัญให้พร้อม ได้แก่

    1. ชื่อบริษัท ซึ่งต้องตรวจสอบความซ้ำซ้อนกับฐานข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
    2. ที่ตั้งบริษัท ต้องระบุที่ตั้งบริษัทให้ชัดเจน พร้อมเอกสารแสดงสิทธิ์ในการใช้สถานที่ เช่น สัญญาเช่าหรือโฉนดที่ดิน
    3. ทุนจดทะเบียน ควรกำหนดให้เหมาะสมกับขนาดธุรกิจและเพียงพอสำหรับการขอใบอนุญาตเฉพาะบางประเภท
    4. รายชื่อผู้ถือหุ้นและกรรมการ ต้องจัดเตรียมรายชื่อผู้ถือหุ้นและกรรมการ โดยต้องมีผู้ร่วมจดทะเบียนอย่างน้อย 3 คน ตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด
  1. กำหนดวัตถุประสงค์ของบริษัท

   ในการจดทะเบียนบริษัทที่มีธุรกิจหลายด้าน ควรระบุวัตถุประสงค์ให้ครอบคลุมกิจกรรมทั้งหมด เช่น ประกอบกิจการร้านอาหารและเครื่องดื่ม ผลิตอาหารเพื่อจำหน่าย จัดแสดงคอนเสิร์ตและงานเทศกาล รับจัดงานอีเว้นท์ รับจ้างผลิตสินค้า รับออกแบบตกแต่งภายใน ก่อสร้าง ต่อเติม ทำธุรกิจนายหน้า ตัวแทนจัดหาสินค้าหรือบริการ รวมถึงการให้เช่าพื้นที่หรืออสังหาริมทรัพย์เพื่อประกอบกิจการ

🔎 คำแนะนำ: ควรเขียนวัตถุประสงค์ด้วยถ้อยคำทางกฎหมายที่ชัดเจน และให้ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายหรือนิติกรช่วยตรวจสอบก่อนยื่นจดทะเบียน เพื่อป้องกันปัญหาหรือการต้องแก้ไขเอกสารในภายหลัง

  1. จดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและบริษัท

   ขั้นตอนนี้ดำเนินการที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งสามารถเลือกยื่นได้ทั้งที่สำนักงานเขตของกรมฯ หรือผ่านระบบออนไลน์ DBD e-Registration โดยเอกสารที่ใช้ประกอบการจดทะเบียน ได้แก่ แบบฟอร์ม บอจ.1, บอจ.2, บอจ.3 และ บอจ.5 พร้อมแนบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น สำเนาบัตรประชาชน และทะเบียนบ้านของกรรมการหรือผู้จดทะเบียนตามที่กฎหมายกำหนด

  1. ขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษี (Tax ID)

   หลังจากจดทะเบียนบริษัทเรียบร้อยแล้ว ต้องดำเนินการขอเลขประจำตัวผู้เสียภาษีโดยยื่นแบบ ภ.พ.01 ต่อกรมสรรพากรภายใน 60 วัน นับจากวันที่เริ่มประกอบกิจการ ทั้งนี้ หากบริษัทมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เพิ่มเติมด้วย เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ถูกต้องตามกฎหมายและไม่เสียสิทธิทางภาษี

  1. ขอใบอนุญาตเฉพาะกิจการ (แล้วแต่กรณี)

   ธุรกิจบางประเภทจำเป็นต้องขอใบอนุญาตเฉพาะก่อนเริ่มดำเนินกิจการ เช่น

    1. หากประกอบกิจการร้านอาหารหรือเครื่องดื่ม ต้องขอใบอนุญาตสถานประกอบการจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
    2. ในกรณีจัดแสดงคอนเสิร์ตหรือกิจกรรมบันเทิง ควรขออนุญาตจากสำนักงานเขตหรือที่ว่าการอำเภอ
    3. สำหรับธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง อาจต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรมหรือผู้รับเหมา
    4. หากเป็นธุรกิจให้เช่าพื้นที่ ควรตรวจสอบว่าเข้าข่าย “โรงแรม” ตามกฎหมายหรือไม่ เพื่อดำเนินการขอใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้อง

ข้อแนะนำและข้อควรระวัง

ข้อแนะนำ

      • เขียนวัตถุประสงค์ให้ ครอบคลุมแต่ไม่ซ้ำซ้อน
      • ให้ความสำคัญกับกิจการที่ต้องขอ “ใบอนุญาตเฉพาะทาง” เช่น อาหาร ดนตรี ก่อสร้าง
      • ถ้าใช้สำนักงานบัญชีหรือที่ปรึกษา ให้แจ้งรายละเอียดธุรกิจครบถ้วนเพื่อจัดการภาษีและบัญชีให้ถูกต้อง

⚠️ ข้อควรระวัง

      • หากวัตถุประสงค์ “ไม่ครอบคลุม” อาจถูกปฏิเสธคำขออนุญาตบางประเภท
      • หาก “เขียนวัตถุประสงค์ไม่ชัด” หรือใช้ภาษาคลุมเครือ อาจต้องเสียเวลาแก้ไขภายหลัง
      • ระวังธุรกิจบางประเภท เช่น นายหน้า/รับเหมา อาจเข้าข่ายต้องมีใบประกอบวิชาชีพ หรือขึ้นทะเบียนพิเศษ

สรุป

   การจดทะเบียนบริษัทสำหรับธุรกิจที่มีวัตถุประสงค์หลากหลาย สามารถทำได้ในครั้งเดียว โดยต้องมีการวางแผนที่ดี กำหนดวัตถุประสงค์ให้ชัดเจน และเตรียมเอกสารให้พร้อม หากวางโครงสร้างถูกต้องตั้งแต่ต้น จะช่วยให้ดำเนินธุรกิจได้คล่องตัวในระยะยาว และไม่ติดขัดเรื่องใบอนุญาตหรือภาษีในอนาคต